SHARE
WHEN MOVIE MEET COCKTAIL

Backstage Cocktail Bar เปลี่ยนหนังโปรดของคุณมาเป็นค็อกเทลที่น่าค้นหา

SHARE

 

Exclusive Photographer: ศุภวิชญ์ มุททารัตน์

 

จากภาพยนตร์สุดฮิตที่หลายคนประทับใจ ทีม Backstage Cocktail Bar ได้นำมาตีความใหม่ แล้วเสกให้เป็นเครื่องดื่มที่ซ่อนเรื่องราวแห่งรสชาติ รอให้ค้นหาคำตอบกับ 14 เมนูใหม่ล่าสุด ที่เราอยากชวนคุณไปลิ้มลองด้วยกัน

 

หลังม่านแดงในส่วนของ Lobby โรงแรม Playhaus Thonglor คือที่ซ่อนตัวของบาร์ค็อกเทลอย่าง Backstage Cocktail Bar ที่คนในวงการและนักดื่มชั้นแนวหน้าส่วนใหญ่ต่างรู้จักกันดีว่าที่นี่คือแหล่งรวมยอดขุนพลบาร์เทนเดอร์ กับบาร์ค็อกเทลของไทยที่ได้อันดับที่ 13 ของ Asia’s 50 Best Bars 2018 ซึ่งแน่นอนว่าเบื้องหลังของความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากหุ้นส่วนของบาร์แห่งนี้ที่ทุกคนล้วนเป็นบาร์เทนเดอร์ผู้มากฝีมือในวงการค็อกเทล หรือแทบจะพูดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบาร์ชั้นแนวหน้าของไทยที่บริหารโดยบาร์เทนเดอร์จริงๆ
 



นอกเหนือจากฝีมือการเสกค็อกเทลของบาร์แห่งนี้ที่ไม่ธรรมดาแล้ว ระดับความซนและความช่างคิด ที่ชอบเล่นสนุกกับแนวคิดจากชื่อบาร์ว่า Backstage กับบรรยากาศห้องแต่งตัวหลังเวทีที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านแดง ทำให้ทุกครั้งที่มี Guest Shift หรือบาร์เทนเดอร์รับเชิญจากต่างประเทศมายืนบาร์ที่นี่ หรือแม้แต่โอกาสพิเศษต่างๆ ของบาร์ จะมีการออกแบบใบปิดหรือโปสเตอร์ล้อภาพยนตร์ชื่อดังเป็นประจำ ซึ่งเมื่อทำบ่อยๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ได้กลายเป็นประเพณีของบาร์แห่งนี้ไปเสียแล้ว เพื่อนๆ บาร์เทนเดอร์จากต่างแดนจะรอดูว่าเขาหรือเธอจะถูกจับไปอยู่ในภาพยนตร์เรื่องไหน


และนี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ทาง Backstage Cocktail Bar หยิบจับเอาภาพยนตร์ยอดนิยมในใจใครหลายคนมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มใหม่ในครั้งนี้ซึ่งมีมากถึง 14 เมนู จาก 14 ภาพยนตร์ด้วยกัน




ซึ่งคุณหนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน และเป็นพี่ใหญ่ที่ช่วยดูแลน้องๆ ทีมบาร์เทนเดอร์ Backstage Cocktail Bar ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปและเหตุผลในการเลือกภาพยนตร์แต่ละเรื่องมาตีความเพื่อต่อยอดให้เป็น 14 เมนูใหม่ของบาร์ในครั้งนี้ว่าได้ให้ความสำคัญในเรื่องของรสชาติและเทคนิคในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มเป็นหลัก โดยมุ่งหวังให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากรสชาติเดิมที่คุ้นชิน


และนี่คือบางส่วนของเมนูใหม่ที่เราอยากพาไปรู้จักกัน


แก้วนี้ชื่อ Forgetful Painter ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง 50 First Dates หนังรักโรแมนติก คอมเมดี้ ในปี 2004 ที่แสดงโดย Drew Barrymore และ Adam Sandler

หนังเล่าเรื่องของศิลปินสาว ดรูว์ แบร์รีมอร์ ที่มีความจำได้เพียง 1 วัน เท่านั้น ทุกครั้งที่ตื่นมาในวันใหม่จะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้ ความสนุกของเรื่องจริงตกอยู่ที่การสรรหาวิธีการจีบของพระเอกที่ต้องเปลี่ยนวิธีการจีบ เพื่อให้ศิลปินสาวตกหลุมรักได้ในทุกวัน และในขณะเดียวกันก็พยายามหาทางช่วยให้ความจำของนางเอกยืนยาวได้มากกว่าหนึ่งวัน

จากจุดหลักของเรื่องดังกล่าว ทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar จึงมีความตั้งใจที่จะเสกสรรให้ค็อกเทลแก้วนี้เป็นเหมือนผืนผ้าใบของศิลปินสาว แต่ละสีสันจะช่วยปลุกความทรงจำให้นึกถึงประสบการณ์ที่ประทับใจในอดีต เหมือนกับที่อดัม แซนด์เลอร์ พยายามปรุงสูตรรักให้นางเอกไม่ลืมเขาในทุกวัน

Forgetful Painter ใช้ Vodka อินฟิวส์กับ Chamomile ผสมกับ Passion Fruit และ Pineapple และตบท้ายด้วย Honey Caramel Syrup และ Lime Juice นิดหน่อย ส่วนฟองเนียนนุ่มชวนฝันนั้นมาจาก Egg White พร้อมจบด้วย Absinthe ที่อาจจะเป็นตัวช่วยระลึกความทรงจำได้ดีที่สุด

หากถามว่าถ้าจะมี Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก 50 First Dates เราว่าภาพยนตร์ที่น่าจะมาทำค็อกเทล หรือที่เราอยากให้ทางบาร์ทำมาเสิร์ฟน่าจะเป็นเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind หนังในปี 2004 เช่นกัน แต่เรื่องนี้ Jim Carrey อยากเป็นคนที่จำอะไรไม่ได้ อยากลืมทุกเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้น น่าจะได้เครื่องดื่มที่ดื่มแล้วกลับบ้านแบบ "จำอะไรไม่ได้เลย"

หรือไม่ก็ไปให้สุด โดยเล่นกับคำว่า 50 เหมือนกัน ก็น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey ทำออกมาเป็นค็อกเทลน่าจะ sexy น่าดื่มไม่ใช่น้อย

เมื่อ Casino Royale หนึ่งในหนังสายลับหลายภาคต่อเนื่อง กับเรื่องราวของ เจมส์ บอนด์ ที่หยิบมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ค็อกเทล ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่เราคุ้นชินกับมาดสุดเท่ของหนุ่มบอนด์นั้นคือ Vesper Martini แต่ทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar สนุกและซนกว่าที่เราคิด เพราะงานนี้ขอคิดดริงก์ใหม่โดยตีความว่าถ้าเป็นเครื่องดื่มของสาวบอนด์ในเรื่องอย่าง Vesper Lynd เธอควรจะดื่มอะไร

นั่นคือที่มาของ V. Lynd ค็อกเทลสีชมพูสวยหวาน ที่เสิร์ฟมาพร้อมกลีบกุหลาบ ในแก้ว Martini ที่ดูแล้วเหมือนจะเหมาะกับสาวสวย หวาน และดูอ่อนเยาว์ แต่ในความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไหม เพราะแก้วนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ส่วนผสมนั้นซ่อนความหนักหน่วงไว้ไม่ใช่น้อย สมศักดิ์ศรีที่จะเป็นค็อกเทลสำหรับสาวบอนด์โดยแท้

V. Lynd ยังคงยึดค็อกเทลต้นแบบอย่าง Vesper Martini ด้วยการใช้เหล้า Gin, Vodka และ Dry Vermouth เป็นส่วนผสมหลัก แล้วเพิ่มมิติของรสชาติด้วย Tonic Syrup ที่มาพร้อมกับ Rose Tea เพื่อให้ได้ความรู้สึกของสาวสวยที่ไม่จำเป็นต้องหวานอย่างเดียวเท่านั้นจึงเติม Lemon ลงไปนิดหน่อย ใช้กลีบกุหลาบเป็น Garnish ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของสาวหวานน่าทะนุถนอม ที่แอบซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใน 

เราอยากเห็น Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก Casino Royale โดยหันไปมองหนังสายลับทางฝรั่งเศสกันบ้าง อย่างเรื่อง LE FEMME NIKITA (ปี 1990) หนังสายลับขึ้นหิ้งของผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ลุค เบสซอง หนังเล่าเรื่องของสายลับสาว นิกิต้า อดีตสาวพั้งค์สมาชิกแก๊งค์ปล้นจี้ ที่วันหนึ่งต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต หลังจากก่อเหตุฆ่าตำรวจตายไปหลายคน และเธอได้รับโอกาสและข้อเสนอให้มาเป็นมือสังหารให้กับองค์กรลับของรัฐบาล ที่แปรเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นนักฆ่าสาวระดับพระกาฬที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาจริงๆ และค็อกเทลที่เข้าข่ายน่าสนใจและเราเชื่อว่าทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar น่าจะทำได้ดีและน่าลิ้มลอง ก็คืออาจนำ French Martini มาตีความใหม่ หรือต่อยอดให้เป็นอีกหนึ่งค็อกเทลสำหรับสายลับนักฆ่าจากฝั่งฝรั่งเศส


Speak Softly, Love แก้วนี้ตอบโจทย์ความเป็นหนุ่มสุขุม มาดนิ่ง ลุ่มลึก ผู้หลงใหลค็อกเทลสาย Spirit Forward ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง “The Godfather” ที่เล่าเรื่องของครอบครัวมาเฟียเชื้อสายอิตาลีครอบครัวหนึ่ง ในอเมริกายุค1940-1950 ที่ทรงอำนาจ มีบทบาทอย่างสูงและต้องดำรงอยู่บนเส้นทางแห่งอิทธิพล ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจ การหักหลัง ถือเป็นหนังที่ชายหนุ่มหลายคนต่างชื่นชอบและชื่นชมในบทบาทของตัวละครหลัก อย่าง ดอน วิโต คอร์ลิโอเน่ (Marlon Brando) หัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ลูกน้องทุกคนต้องเคารพยำเกรง มีความเป็นสุภาพบุรุษ เยือกเย็น ใจกว้าง ให้อภัย มีบารมีสูง และเป็นที่เคารพนับถือของทุกคน

Speak Softly, Love คือชื่อเพลงที่เป็น Theme Song ของหนัง และถูกนำมาใช้เป็นชื่อของค็อกเทลแก้วนี้ โดยภาพรวมของความรู้สึกถูกออกแบบมาให้เสมือนกำลังดื่มด่ำวิสกี้ชั้นดี เคล้าคลอไปกับกรุ่นกลิ่นควันหอมจากการสูบซิการ์ จึงมีความจำเป็นที่แก้วนี้ต้องใช้เบสเป็น Scotch Whisky ที่อินฟิวส์กับชาดำ Lapsang Souchong Tea หรือที่รู้จักกันในภาษาจีนกลางว่า เจิ้งซานเสี่ยวจ้ง ที่กลิ่นของใบชา คล้ายกับกลิ่นปลาแห้งรมควันจากไม้ลำไยและไม้สน แล้วผสมเข้ากับ Limoncello ซึ่งเป็น Italian Lemon Liqueur และยังเพิ่มความหอมจาก Almond Liqueur อีกขั้น แล้วตามด้วย Tabacco Bitters และน้ำดองมะกอก Olive Brine Shrub ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นค็อกเทลที่หอมอบอวล สุขุม และนุ่มลึก พร้อมมิติแห่งรสชาติที่มีความซับซ้อนชวนค้นหา

หากจะมีการต่อยอดเป็น Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก The Godfather หนังที่เราคืดว่าน่าสนใจและน่าสนุกในการนำมาพัฒนาเป็นค็อกเทลคือเรื่อง Bella Mafia หนังอิตาลีที่เล่าเรื่องของโซเฟีย ที่เพิ่งแต่งงานมาเป็นสะใภ้ของครอบครัวมาเฟีย แล้วได้ไปพบเห็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับสามี น้องสามี และพ่อสามี ในฐานะสะใภ้ของบ้าน เธอจะช่วยแก้แค้นได้อย่างไร มาเฟียฝ่ายหญิงของตระกูลทั้งใช้มายาหญิง ทั้งการปรุงอาหารหลอกล่อ ทั้งการใส่ยาพิษในเครื่องดื่ม แค่คิดก็น่าสนุกแล้วว่าค็อกเทลจากหนังเรื่องนี้จะออกมารสชาติเป็นอย่างไร



ทันทีที่ได้เห็นชื่อ Dr. Lecter รับประกันได้เลยว่าไม่มีใครเคยลืมฉากเฉือนสมองมาจี่ไฟร้อนๆ จนควันลอยฟุ้ง จากฉากมื้ออร่อยอันเยือกเย็นของ Dr. Lecter นายแพทย์โรคจิต ที่นักแสดงอย่าง Anthony Hopkins สวมบทบาทได้อย่างน่าสะพรึงกลัว จากภาพยนตร์เรื่อง The Silence of the Lambs ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี

งานนี้ทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar จึงสนุกคิดและช่างสร้างสรรค์ โดยนำ Classic Cocktail อย่าง Dirty Martini มาทวิสต์โดยใช้ Gin, Sherry, Punt e Mes (Italian Vermouth), Isay Whisky และ Benedictine แล้วเพิ่มมิติให้ความหวานแบบลึกลับอีกเล็กน้อยด้วย Peychaud’s Bitters เสิร์ฟโดยใช้เมล็ดถั่วแดงแทนมะกอก ซึ่งสื่อความหมายถึงซีกของสมองนั่นเอง

ค็อกเทลภาคต่อสำหรับ Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก The Silence of the Lambs นั้น ถ้าเป็นไปได้ เราขออนุญาตแนะนำเรื่อง Red Dragon หนังภาคต่อที่เล่าเรื่องราวย้อนกลับไปของ ดร.ฮันนิบาล เล็คเตอร์ จิตแพทย์ผู้ปราดเปรื่องที่ผันตัวเองมาเป็นฆาตกรอำมหิต ฮันนิบาล ซึ่งมีแฟนกลุ่มหนึ่งที่คลั่งไคล้ในวิธีการฆ่าอย่างเลือดเย็นแต่หลักแหลมของเขา หนึ่งในนั้น คือ ฆาตกรผู้ไร้ความปรานีที่รู้จักกันในนาม ทูธแฟรี่ ไอ้เขี้ยวสยอง เจ้าของผลงานฆาตกรรมอันน่าขนลุกที่เกิดขึ้นในแอตแลนตาและเบอร์มิงแฮม เกรแฮม เราอยากรู้จริงๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกตีความออกมาเป็นค็อกเทลในรูปแบบไหนและรสชาติจะเป็นอย่างไร


แก้วนี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai ซึ่งเป็นเรื่องราวของนายทหารจากฝั่งตะวันตกอย่างร้อยเอกเนธาน อัลเกร็น นายทหารผู้ไร้จุดหมายในชีวิต ซึ่งรับบทโดย Tom Cruise  กับอีกซีกโลกจากฝั่งตะวันออก กับหัวหน้าคนสุดท้ายของนักรบซามูไร คัตสึโมโต้  ซึ่งรับบทโดย Ken Watanabe ที่มีจิตใจอันแน่วแน่และมองเห็นวันข้างหน้าของชีวิตตน ที่มีแต่จะถูกกัดกร่อนไป กับการอุทิศชีวิตให้กับองค์จักรพรรดิ ตามประเพณีโบราณของญี่ปุ่น หนังเล่าเรื่องการเดินทางของสองนักรบที่มาบรรจบพบกัน  และทำให้ร้อยเอกเนธานเข้าใจความสำคัญของการมีชิวิตอยู่ที่ให้คุณค่ามากกว่าแก่การเป็นนักรบเท่านั้น เสมือนว่าเขาได้ซึมซับและเข้าใจในวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของเลือดนักรบซามูไรอย่างแท้จริง


Gaijin คือคำในภาษาญี่ปุ่น ที่ใช้เรียกชาวต่างชาติ และมาเป็นตัวแทนของการเชื่อมโยงวัฒนธรรมการดื่มจากตะวันออกและตะวันตก โดยในแก้วนี้มีส่วนผสมระหว่างเหล้าจากตะวันตก คือ Gin กับเหล้าจากตะวันออกคือ Sake และส่วนผสมเพิ่มอย่าง Cordial ที่ทำจากชาข้าวและเบียร์ลาเกอร์ แล้วจบด้วยการใช้ข้าวคั่วเพื่อผสานทั้งรสสัมผัสและกลิ่นให้น่าจดจำมากยิ่งขึ้น


ภาพยนตร์ที่เรานึกถึงหากจะมีการต่อยอดเครื่องดื่ม เป็น Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก The Last Samurai เรานึกถึง Memoirs of a Geisha กับเรื่องราวที่ตัวเอกของเรื่องเป็นเกอิชาและต้องรักษาวัฒนธรรมของจิตวิญญาณของตัวเองไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นก็ตาม


หรืออีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ Kill Bill กับฉากที่ Uma Thurman ต้องไปร่ำเรียนและฝึกฝนกระบวนท่าวิชาเพลงดาบซามูไร ก็เป็นเสมือนตัวแทนการเชื่อมโยงของโลกตะวันตกและตะวันออกได้อย่างดีอีกเช่นกัน ถ้าถูกนำมาตีความเป็นค็อกเทลก็คงจะน่าสนใจไม่ใช่น้อย


เรื่องนี้หนังสนุก ค็อกเทลที่พัฒนาไอเดียมาก็พลอยสนุกไปด้วย กับ “There’s Something About Marry” ที่ได้นางเอกสุดฮอตในยุคนั้น Cameron Diaz  มารับบทสาวมาดนิ่ง มีจิตใจดีงามผู้รักพี่ชายที่เป็นออทิสติกแบบดูแลไม่ห่างกาย ในขณะเดียวกันก็มากเสน่ห์จนหนุ่มๆ รุมจีบ และฉากสำคัญที่หลายคนฮากันลั่นโรงกับสาเหตุที่ทำให้ผมบลอนด์ของนางเอกต้องตั้งแข็งชูชันราวกับใส่เจลปานนั้น จนทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar อดไม่ได้ที่จะนำมาเป็นไอเดียของค็อกเทลแก้วนี้

Blondie เป็นค็อกเทลแนวครีมมี่ที่รสชาติถูกปากถูกใจสาวๆ แน่นอน เพราะจัดเต็ม โดยใช้ Vodka ที่อินฟิวซ์กับดอกเก็กฮวย เหล้า Amaro แยมมะนาว โยเกิร์ต และน้ำแอปเปิ้ลกับน้ำลูกแพร์ แล้วใช้สายไหมเป็น Garnish ที่ตอนจิบ จะกินสลับกัน หรือจะปล่อยให้สายไหมลงไปแหวกว่ายในแก้ว ก็ไม่ผิดความตั้งใจของบาร์เทนเดอร์แต่อย่างใด บอกเลยว่าเป็นดริ๊งก์ที่ทั้งไอเดียและรสชาติซุกซนพอๆ กัน

หนังที่เราอยากให้ทีมบาร์เทนเดอร์ของ Backstage Cocktail Bar นำมาต่อยอดเป็น Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก “There’s Something About Marry” คือหนังอีกเรื่องที่ Cameron Diaz  มีโอกาสได้บทที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความก๋ากั๋น ทะลึ่ง และซนเกินขอบเขตของความเป็นครู จากเรื่อง Bad Teacher โดยเฉพาะฉากล้างรถนั้น น่าจะนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการคืดค็อกเทลสนุกๆ ได้ไม่แพ้ Blondie แก้วนี้อย่างแน่นอน



ค็อกเทลหนึ่งเดียวจากทั้งหมด 14 เมนู ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังไทย คือจากเรื่อง “แผลเก่า” ที่นับเป็นหนังรักข้ามตระกูลมีความแตกต่างของชนชั้นที่เป็นอุปสรรคความรักระหว่าง “ไอ้ขวัญ” และ “อีเรียม” กับสัญญารักแบบบ้านนา กับความซื่อๆ ความเรียบง่าย ที่ไม่ต้องซับซ้อนและโลดโผนมากนัก


San Sab Tragedy จึงเป็นค็อกเทลที่ได้ไอเดียมาจากความแตกต่างที่ไม่อาจพรากจากกันได้ แก้วนี้จึงเป็นการใช้ชาไทยมาอินฟิวช์กับเหล้ารัมสัญชาติไทย ก่อนนำ Campari มาผสมเพื่อเพิ่มมิติแห่งความขมหวานเหมือนความรักของขวัญและเรียม และเพิ่มความเป็นไทยด้วยน้ำเชื่อมดอกบัว น้ำส้ม และน้ำมะนาว เพื่อความหวานเปรี้ยวอย่างมีชั้นเชิง จบด้วยโทนิคเพื่อให้ได้ความสดชื่นที่ชวนจดจำและอยากสั่งซ้ำ เพราะแก้วนี้ดื่มง่ายและชื่นใจตั้งแต่จิบแรกจนหยาดหยดสุดท้าย 
 

​เราอยากเห็น Cocktail Series ที่ 2 ต่อยอดจาก แผลเก่า ที่จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจาก “จันดารา” ความรักต่างวัยของคุณบุญเลื่อง กับไอ้จัน ที่ถูกนำมาสร้างซ้ำแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนดาราคนไหนมาสวมบทบาท จะเปลี่ยนการตีความของเรื่องไปอย่างไร แต่ฉากที่คุณบุญเลื่องให้ไอ้จันถูหลังให้ด้วยน้ำแข็งในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวนั้น ถือเป็นฉากอมตะที่ไม่มีใครเคยลืมเลือน และเราว่าฉากนี้แหละที่เหมาะแก่การนำมาตีความเป็นค็อกเทลตัวที่ 2 ต่อจาก San Sab Tragedy ของเรื่องแผลเก่า
 

Backstage Cocktail Bar
ที่ตั้ง: โรงแรม Playhaus Thonglor ซอยโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
โทร. 06 1519 5891
เปิดให้บริการ: ทุกวัน เวลา 19.00 - 02.00 น
FB: Backstage Cocktail Bar



หลังจากไปลิ้มรสค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังยอดนิยมของ Backstage Cocktail Bar แล้ว หากเพื่อนๆ ท่านใดหลงใหลและติดใจ ขอแนะนำว่าหากมีโอกาสเดินทางไปที่โตเกียว ให้ลองแวะไปที่ HACHIGATSU NO KUJIRA ในย่าน Shibuya เพราะบาร์แห่งนี้เป็นบาร์ที่เสิร์ฟค็อกเทลทุกแก้วโดยได้แรงบันดาลใจจากหนังทุกเมนู หรือพูดได้ว่าเป็นบาร์ค็อกเทลของคนรักหนังโดยแท้เลยก็ว่าได้​



RELATED